News

อ.ส.ค.เตรียมเปิดศูนย์เรียนรู้ฟาร์มโคนมแห่งชาติแห่งแรกของประเทศ

26/01/2021

อ.ส.ค.เตรียมเปิดฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูงพ.ค.64นี้ผลักดันเป็นฟาร์มต้นแบบอัจฉริยะและแหล่งเรียนรู้การเลี้ยงโคนมของประเทศ  วางเป้าจะมีประชาชนเข้าเยี่ยมชมกิจการฟาร์มเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10%จากปัจจุบันบันที่ 60,000 คนต่อปี 

นายสุชาติ      จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง (Thai-Denmark Smart Dairy Farm)ว่า   ตามที่คณะรัฐมนตรี( ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณ อ.ส.ค.ยืมเงินจำนวน51.7ล้านบาท จากกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ สำหรับลงทุนในการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง (Thai-Denmark Smart Dairy Farm) ในอำเภอมวกเหล็ก  จังหวัดสระบุรี  เมื่อปี  2562 ที่ผ่านมานั้น

ขณะนี้โครงการดังกล่าวมีความก้าวหน้าเป็นลำดับ   โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือนพฤษภาคม 2564 นี้    ซึ่งหลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ อ.ส.ค.จะซื้อแม่โคประมาณ จำนวน 100 ตัวเข้าสู่ฟาร์มเพื่อผลักดันเป็นฟาร์มสาธิต   และถือเป็นฟาร์มสาธิตนำร่องแห่งแรกของประเทศ

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงโคนมของประเทศ เป็นฟาร์มสำหรับใช้ในการศึกษาและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการฟาร์มด้วยเทคโนโลยี    เช่น    การสแกนเบอร์โค เพื่อเก็บข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ระบบรีดนมแบบไปป์ไลน์ที่บันทึกปริมาณน้ำนมดิบรายตัวรายวัน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (การจัดของเสียในฟาร์ม) และคำนึงถึงการกินอยู่ของแม่โคตามหลักสวัสดิภาพสัตว์       ทั้งนี้ โครงการจัดตั้งฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูงเป็นการจัดตั้งฟาร์มสาธิตเชิงธุรกิจในพื้นที่ของอ.ส.ค.ที่มีจำนวนแม่โครีดนมไม่น้อยกว่า 100 ตัว มีการใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดการฟาร์ม    เช่น    การเลี้ยงแบบขังในคอกและใช้อาหารผสมสำเร็จที่มีมาตรฐานตรงตามความต้องการของโคการจัดการคอกพักโคและระบบระบายความร้อนที่ทำให้แม่โคอยู่สบายตามหลักสวัสดิภาพสัตว์การบริหารจัดการและเก็บข้อมูลโครายตัวในระบบคอมพิวเตอร์  รวมทั้งระบบการรีดนมที่มีการบันทึกปริมาณน้ำนมดิบรายตัวรายวันมีระบบทำความสะอาดโดยมีเป้าหมายให้มีการฝึกอบรมและศึกษาดูงานในฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูงสำหรับนักวิชาการเจ้าหน้าที่ส่งเสริมและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ปีละไม่น้อยกว่า 680 คน และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมกิจการฟาร์มไม่น้อยกว่า 10%จากปัจจุบันบันที่ 60,000 คนต่อปี

No Comments

    Leave a Reply