News

ชป.พร้อมรับมือฝน ก.ย.นี้

29/08/2022

วันนี้ (29 ส.ค.65) ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ถนนสามเสน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานคร การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (29 ส.ค.65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 48,432 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 64 ของความจุอ่างฯ ยังสามารถรับน้ำได้อีก 27,657 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 13,258 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 53 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 11,613 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยยังคงมีปริมาณฝนตกสะสมต่อเนื่อง กรมชลประทาน จึงได้พิจารณาปรับลด-เพิ่มการระบายน้ำให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ยังคงเดินหน้าเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับปริมาณน้ำจากทางตอนบนที่จะไหลลงมาอีกในระยะต่อไป ขณะเดียวกันพื้นที่เพาะปลูกข้าว ให้เร่งดำเนินการเก็บเกี่ยวให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่อลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหายจากฤดูน้ำหลาก

นอกจากนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนในช่วงเดือนกันยายน 2565 นี้ ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ระบุว่า บริเวณประเทศไทยตอนบน จะมีปริมาณฝนรวมสูงกว่าค่าปกติ และให้จัดเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดัน ประจำจุดพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมขัง ให้สามารถพร้อมใช้งานได้ทันที ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้มีการตรวจสอบความพร้อมของอาคารชลประทานและพนังกันน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมบริหารจัดการน้ำในอ่างฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม โดยพิจารณาปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ และหมั่นกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิการระบายน้ำ รวมทั้งบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ให้รับทราบล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้น้อยที่สุด

No Comments

    Leave a Reply