ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 สมาคมแพทย์แผนโบราณฮานัม หน่วยงานเครือข่ายของสมาพันธ์ยาแผนโบราณเวียดนาม (VOTMA) เข้าร่วมการประชุมเชิงปฎิบัติการที่จัดโดยมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) และ Intelligentmedia หน่วยงานด้านการส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสังคม ประกาศว่านอกจากการยกเลิกใช้สุนัขและแมวในยาแพทย์โบราณแล้ว จะให้ความรู้แก่ผู้ป่วยว่าไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดที่ยืนยันได้ว่าสุนัขและแมวมีผลในการรักษาโรค
ฟาม หงอก ตวน หัวหน้าสมาคมแพทย์แผนโบราณฮานัม กล่าวว่า “การยกเลิกใช้ส่วนผสมและยาที่ไม่มีการอ้างอิงเชิงวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้จะส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชน ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อให้วงการแพทย์แผนโบราณของเวียดนามได้รับการพัฒนาไปสู่ระดับสากลอย่างยั่งยืน สมาคมยืนยันว่าจะตรวจสอบการใช้ยาของแพทย์แผนโบราณเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการใช้ส่วนผสมจากสุนัขและแมวในการปรุงยา และให้คำแนะนำกับผู้ป่วยในการใช้ยาที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ”
ก่อนหน้านี้ ในเดือนตุลาคม หัวหน้าสมาพันธ์ VOTMA ในฐานะตัวแทนของแพทย์แผนโบราณทั่วประเทศ ได้ประกาศยกเลิกการใช้ส่วนประกอบจากสุนัขและแมวในยาแผนโบราณโดยสิ้นเชิง
นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวในกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนามในวันที่ 3 พฤศจิกายน เมื่อคณะครูจากโรงเรียนมัธยมกว่า30 คน รวมตัวกันประชุมหาแนวทางในการให้ความรู้นักเรียนเรื่องศีลธรรมและความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการบริโภคเนื้อสุนัขและแมว เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มคนรุ่นใหม่
การจัดการประชุมครั้งนี้ยังร่วมด้วยฝ่ายการศึกษาและการฝึกอบรมแห่งกรุงฮานอย เพื่อให้ความรู้เรื่องสวัสดิภาพสัตว์ การเลี้ยงสัตว์อย่างรับผิดชอบและการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ทั้งนี้กรุงฮานอยมีเป้าหมายในการกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปภายในปี พ.ศ. 2573
ทริง ดัน ลี หัวหน้าฝ่ายการศึกษาและการฝึกอบรมอำเภอดงดา กรุงฮานอย กล่าวว่า “การค้าและบริโภคสุนัขและแมวไม่ได้รับการยอมรับในวงกว้างอีกต่อไปแล้ว และจำเป็นที่จะต้องทำอย่างถูกวิธีด้วยการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน”
“การให้ความรู้เรื่องการป้องกันตัวเองและการปกป้องสัตว์เลี้ยงผ่านการทำกิจกรรมในชั้นเรียนจะช่วยเปลี่ยนทัศนคติและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่นักเรียน เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อสอนนักเรียนเกี่ยวกับการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและการมีเมตตาต่อสัตว์เลี้ยง เพื่อกำจัดการค้าและการบริโภคสุนัขและแมวให้หมดไปจากประเทศเวียดนามในที่สุด”
ราฮุล เซกัล ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนระหว่างประเทศ มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย กล่าวว่าการให้ข้อมูลกับเยาวชนอย่างถูกต้อง เป็นเหตุเป็นผลเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมต่อไปรวมถึงการยุติการบริโภคเนื้อสุนัขและแมวด้วย และยินดีอย่างยิ่งที่ภาคการศึกษาได้เข้ามามีบทบาทในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
การบริโภคเนื้อสุนัขและแมวเป็นสิ่งที่มีมาอย่างยาวนานในประเทศเวียดนาม โดยกลุ่มคนรุ่นเก่าเชื่อว่ามีสารอาหารและผลในการรักษาโรค อย่างไรก็ตามผู้คนในปัจจุบันให้ความสำคัญกับสุขภาพและต้องการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคสุนัขและแมวเช่นอหิวาตกโรค โรคพิษสุนัขบ้า จึงเป็นแรงผลักดันให้กลุ่มครูและแพทย์แผนโบราณในเวียดนามร่วมมือกันเพื่อยุติการค้าเนื้อสุนัขและแมวในประเทศ
ซอยด๊อกได้ดำเนินการเพื่อยุติการค้าเนื้อสุนัขและแมวในเวียดนามมาหลายปี ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ยังได้จัดการประชุมร่วมกับสภาแห่งชาติเวียดนามโดยมีฝ่ายบัญญัติกฎหมายเวียดนามเข้าร่วมด้วยเพื่อหาแนวทางในการยุติการค้าสุนัขและแมวโดยเริ่มที่กรุงฮานอยซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ นับเป็นครั้งแรกที่การค้าเนื้อสุนัขและแมวได้เป็นประเด็นในที่ประชุมระดับรัฐบาลของเวียดนาม
“การร่วมมือกับสภาแห่งชาติเวียดนามทำให้มีโอกาสอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะเร่งออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการค้าเนื้อสุนัขและแมว ซึ่งซอยด๊อกยืนยันที่จะสนับสนุนทุกวิถีทางทั้งการศึกษา การออกกฎหมายและวิธีอื่น ๆ เพื่อให้การค้าเนื้อสุนัขและแมวหมดไปจากประเทศเวียดนามในที่สุด” นายราฮุลกล่าว
No Comments