News

กอนช. คาดสถานการณ์น้ำกลับสู่ภาวะปกติเร็วสุดปลายสัปดาห์แรกของเดือน พ.ย.ย้ำไม่ได้บริหารน้ำผิดพลาด ทุกอย่างวางแผนและวางมาตรการล่วงหน้าแล้ว

25/10/2022

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยว่า คาดสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำชี-มูล จะกลับสู่ภาวะปกติกลางเดือน พ.ย. 65 เตรียมแผนการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยหลังน้ำลดในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศโดยเร็วที่สุด พร้อมระบุในปี 2565 ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ จำนวน 3 ลูก ได้แก่ พายุมู่หลาน หมาอ๊อน และโนรู รวมถึงได้รับอิทธิพลจากร่องความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงหนือ กลางและตะวันออก ส่งผลให้ปริมาณฝนสะสมทั้งประเทศในช่วง 1 ม.ค. – 22 ต.ค. 65 มีปริมาณถึง 1,775 มิลลิเมตร (มม.) ซึ่งมากกว่าค่าปกติ 21% น้อยกว่าเมื่อปี 2554 อยู่เพียง 3 มม. หรือคิดเป็น 0.2% เท่านั้น
พร้อมย้ำไม่ได้บริหารน้ำผิดพลาด โดยมีการวางมาตรการ ไว้ถึง 13 มาตราการ บริหารและหารือทุกส่วนที่เกี่ยวข้องแบบบูรณาการ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ระบายน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ออกทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกได้น้อย ในช่วงที่ผ่านมา พบว่าเกิดจากปัญหาต้นคลองใหญ่ในขณะที่ปลายคลองมีขนาดเล็ก โดยสำหรับคลองชัยนาท – ป่าสัก มีความจุต้นคลอง 210 ลบ.ม. ต่อวินาที และปลายคลอง 120 ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งบริเวณปลายคลองมีน้ำท่วมอยู่แล้วจากปริมาณฝนตกในพื้นที่ รวมทั้งมีปริมาณน้ำท่า (Side Flow) มาเติม 
จึงจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำลงด้านท้ายของลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น ทำให้เกินศักยภาพของคันกั้นน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้บางจุดเกิดน้ำล้นคลองและคันคลองขาด ไม่สามารถใช้ในควบคุมน้ำได้ นอกจากนี้ ยังพบปัญหาในบางจุดที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ยินยอมให้มีการเสริมคันกั้นน้ำ ซึ่งส่งผลให้น้ำหลากแผ่กว้างในหลายพื้นที่มากขึ้นด้วย
“สำหรับสถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาปัจจุบัน ขณะนี้ปริมาณน้ำเหนือจากแม่น้ำปิงและน่าน รวมถึงปริมาณฝนในพื้นที่ลดลง โดยคาดว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะเข้าสู่สภาวะปกติช่วงกลางเดือน พ.ย. 65 เช่นเดียวกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำชี – มูล จะเข้าสู่สภาวะปกติในช่วงเดียวกัน โดยคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้ กอนช. ได้เตรียมพร้อมการดำเนินการภายหลังน้ำลด โดยมีการประเมินและชี้เป้าพื้นที่ที่ระดับน้ำลด สำหรับประเด็นในเรื่องการผันน้ำไปยังกรุงเทพมหานคร ฝั่งตะวันตก จะมีการรับน้ำผ่านคลองทวีวัฒนา เพื่อรับน้ำจากทุ่งผักไห่ เจ้าเจ็ด ระบายผ่านโครงการพระยาบันลือ และพระพิมล ในขณะที่ฝั่งตะวันออก
มีการรับน้ำผ่านประตูระบายน้ำ รอยต่อระหว่างพื้นที่ชลประทานและ กทม. ซึ่งมีเกณฑ์การรับน้ำเข้า กทม. และในส่วนข้อกังวลว่าในปีนี้ พื้นที่ กทม. และปริมณฑล จะเสี่ยงน้ำท่วมหรือไม่นั้น ปัจจุบันทั้งปริมาณน้ำเหนือและน้ำฝนลดลงแล้ว ส่งผลให้มีการลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำหนุนเพิ่มขึ้นในช่วงปลายเดือน ต.ค. – ต้นเดือน พ.ย. 65 ด้วย ซึ่ง กอนช. จะมีการติดตามสถานการณฺน้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ ได้เตรียมแผนการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยหลังน้ำลดในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ได้แก่ ช่วงวันที่ 25 ต.ค  – 15 พ.ย. 65 จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี ช่วงวันที่ 1 พ.ย. 65 – 30 พ.ย. 65 จ.อ่างทอง นนทบุรี ปทุมธานี และช่วงวันที่ 15 พ.ย.  –  30 ธ.ค. 65 จ.พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม โดยจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลือฟื้นฟูให้ทุกพื้นที่กลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็วที่สุด

โดยแผนเร่งด่วน ภายใน 1-2 ปีนี้ คือหาพื้นที่แกมลิงเพิ่ม บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา เช่น จังหวัด สุโขทัย อุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร คาดจะสามารถหน่วงและเก็บน้ำได้ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านลูกบาศก์เมตร

No Comments

    Leave a Reply