News

ชป.เชิญชวนเกษตรกรทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ช่วยประหยัดน้ำ รับมือฤดูแล้ง

02/01/2024


วันนี้ (2 ม.ค.67) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) อาคาร 99ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 สำนักเครื่องจักรกล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทาน/โครงการชลประทาน/โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา ผู้อำนวยการส่วนและหัวหน้าฝ่าย ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ต่อไป


สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน (2 ม.ค.67) พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 58,736 ล้าน ลบ.ม. (77% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 17,233 ล้าน ลบ.ม. (69% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) กรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 ตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มี ด้วยการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก รักษาระบบนิเวศ การเกษตร อุตสาหกรรม และสำรองไว้ใช้ในต้นฤดูฝนหน้าตามลำดับ จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งทั้งประเทศไปแล้วกว่า 6,961 ล้าน ลบ.ม. (32%) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 2,053 ล้าน ลบ.ม. (34%) ปัจจุบันทั้งประเทศมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 4.65 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 80 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 3.45 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 114 ของแผนฯ ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่ถึงอย่างไรยังคงต้องติดตามพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังอย่างใกล้ชิด พร้อมประชาสัมพันธ์ถึงสถานการณ์น้ำให้เกษตรกรและประชาชนรับรู้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหาย รวมทั้งรณรงค์ให้เกษตรกรเก็บกักน้ำไว้ในบ่อสำรอง เพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้า ตลอดจนเชิญชวนให้เกษตรกรหันมาทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำได้ถึง 20 -30 เปอร์เซนต์ เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ ทั้งยังช่วยลดการใช้ปุ๋ย ทำให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย

สำหรับพื้นที่ภาคใต้บริเวณจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ที่ประสบปัญหาอุทกภัยในช่วงปลายเดือนธันวาคม 66 ที่ผ่านมา ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสายหลัก อาทิ แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำบางนรา และแม่น้ำโกหก เริ่มคลี่คลายแล้ว ยังคงเหลือสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งที่แม่น้ำปัตตานี บริเวณบ้านบริดอ อ.ปัตตานี สำนักงานชลประทานที่ 17 โดยโครงการชลประทานปัตตานี ยังคงเดินหน้าช่วยเหลือพื้นที่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2 -3 สัปดาห์นี้

No Comments

    Leave a Reply