News

เกษตรฯ เดินหน้าอบรมใช้ 3 สาร สร้างครูถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรและผู้รับจ้างพ่นสาร

19/04/2019

กรมวิชาการเกษตร  เคลียร์แผนอบรมกลุ่มเป้าหมายใช้สารเคมี พาราควอท  ไกลโฟเซต  และคลอร์ไพริฟอส อย่างถูกต้องและปลอดภัย  ดีเดย์อบรมครูรุ่นแรก  24 เมษายนนี้  ผนึกกำลัง 3 หน่วยงานสร้างวิทยากรเดินสายอบรมเกษตรกร  และผู้รับจ้างพ่นทั่วประเทศ  พร้อมดึงมหาดไทยเข้ามีส่วนร่วมเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตรายกว่า 7 หมื่นคน

นายอนันต์  สุวรรณรัตน์  ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติเห็นชอบให้จำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด ได้แก่  พาราควอท  ไกลโฟเซต  และคลอร์ไพริฟอส  โดยมอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรจัดทำแผนปฏิบัติการจำกัดการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดและคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีมติเห็นชอบใน 6 มาตรการจำกัดการใช้ตามที่กรมวิชาการเกษตรเสนอ  โดยกรมวิชาการเกษตรได้เสนอร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวน 5 ฉบับซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ทั้ง 6 มาตรการในการจำกัดการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด  ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอลงประกาศในราชกิจจากนุเบกษา  ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในอีก 180 วัน

ภายหลังจากประกาศฯ ทั้ง 5 ฉบับมีผลบังคับใช้แล้วจะมีผลกระทบต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ เกษตรกรผู้ใช้  ผู้รับจ้างพ่น  ผู้ขาย  ผู้นำเข้า/ผู้ผลิต  และพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องปฎิบัติตามมาตรการดังกล่าว  โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ใช้และผู้รับจ้างพ่นสารเคมีทั้ง 3 ชนิดต้องผ่านการอบรม และหรือผ่านการทดสอบความรู้ตามหลักสูตรการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย  โดยกรมวิชาการเกษตรจะจัดอบรมวิทยากร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในส่วนภูมิภาคของกรมวิชาการเกษตรจำนวน 240 คน  โดยแบ่งการอบรมออกเป็น 2 รุ่น  รุ่นที่ 1 อบรมวันที่ 24 เมษายน นี้  ส่วนรุ่นที่ 2 อบรมวันที่ 25 เมษายน  เพื่อไปอบรมเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมการเกษตร  การยางแห่งประเทศไทย  สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลแห่งประเทศไทย  จำนวน 2,000 คน เพื่อไปอบรมเกษตรกร  โดยมีกำหนดจัดอบรมเพื่อสร้างวิทยากรดังกล่าวในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม 2562

ทั้งนี้ วิทยากรที่ผ่านการอบรมทั้งหมดจะต้องไปอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรจำนวน 1.5 ล้านคน ประกอบด้วยเกษตรกรผู้ปลูกพืช 6ชนิด ได้แก่ ปาล์มน้ำมัน  มันสำปะหลัง   ข้าวโพด  ยางพารา  อ้อย  และไม้ผล   โดยเนื้อหาที่อบรมประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับมาตรการจำกัดการใช้ / อันตรายจากการใช้ ความเป็นพิษต่อร่างกาย   สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม / การใช้สารเคมีอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย  โดยกำหนดจัดอบรมเกษตรกรดังกล่าวในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน – กันยายน 2562    สำหรับผู้รับจ้างพ่น  จำนวน 50,000 คน กรมวิชาการเกษตรจะจัดอบรมระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม  2562 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร   กรมวิชาการเกษตร

นอกจากนี้ ยังมีการอบรมให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทย  ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน  กำนัน  และปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล  จำนวน 79,988 คน  โดยจะจัดอบรมเกี่ยวกับมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด  และบทบาทหน้าที่  ความสำคัญของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่แต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบการใช้ 3สาร ภายในเขตท้องที่รับผิดชอบ ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ผ่าน video conference เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ  ในช่วงระว่างเดือนมิถุนายน  2562

ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า   ตามมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด ได้กำหนดพืชที่ให้ใช้พาราควอต  และไกลโฟเซต เฉพาะเพื่อกำจัดวัชพืชในการปลูกอ้อย  ยางพารา  ปาล์มน้ำมัน  มันสำปะหลัง  ข้าวโพด  และไม้ผล เท่านั้น  ส่วนคลอร์ไพริฟอส ให้ใช้เฉพาะกำจัดแมลงในการปลูกไม้ดอก  พืชไร่  และเพื่อกำจัดหนอนเจาะลำต้นในไม้ผล   รวมทั้งได้กำหนดพื้นที่ห้ามใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด โดยห้ามใช้ในพื้นที่ปลูกพืชผักหรือพืชสมุนไพร พื้นที่ต้นน้ำ และพื้นที่สาธารณะ แต่มีข้อยกเว้นสำหรับหน่วยงานราชการ เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย  กรมทางหลวงชนบท ที่ใช้สารกำจัดวัชพืช เพื่อกำจัดวัชพืชข้างทางรถไฟ และข้างถนน กรมวิชาการเกษตรได้เตรียมออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เพื่อยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย  แต่ต้องมาขออนุญาตเพื่อใช้สารกำจัดวัชพืช ตามพื้นที่และปริมาณที่กำหนดโดยตรงต่อกรมวิชาการเกษตร

“ภายหลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้เกษตรกรที่มีความจำเป็นต้องใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดต้องแสดงหลักฐานว่าได้ผ่านการอบรม  ชนิดพืชที่ปลูก พร้อมจำนวนพื้นที่ปลูกเพื่อกำหนดปริมาณสารเคมีที่จะซื้อไปให้มีความเหมาะสมกับความต้องการใช้ เพื่อนำไปแสดงเป็นหลักฐานในการซื้อสารเคมีทั้ง 3 ชนิด   ส่วนผู้รับจ้างพ่นก็จะต้องผ่านการอบรมเช่นเดียวกัน  โดยต้องมีใบอนุญาตรับจ้างพ่น”  นายอนันต์ กล่าว

No Comments

    Leave a Reply