ลุยส่งเสริมการเกษตรเกษตรเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม จ.สระบุรี อ.แก่งคอย จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day)

แก่งคอย จัด ฟิวเดย์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พืชน้ำน้อยสู้ภัยแล้ง ลุยส่งเสริมการเกษตรเกษตรเป็นมิตรสิ่งแวดล้อมจ.สระบุรี อ.แก่งคอย จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) เริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สู้ภัยแล้ง เพิ่มรายได้เกษตรกร พร้อมให้ความรู้เทคโนโลยีใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พร้อมทำเกษตรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลด เลิก ใช้สารเคมี และลดการเผาในพื้นที่เกษตร

นายทวี มาสขาว รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เป็นประธานเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี Field Day เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ณ วิสาหกิจชุมชนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แปลงใหญ่ตำบลหินซ้อน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เกษตรกรส่วนใหญ่ ของ อ.แก่งคอย ส่วนใหญ่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งจากปีที่ผ่านมาประสบปัญหาการระบาดของหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด ส่งผลให้เกษตรกรใช้สารเคมีเพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหา ดังกล่าว จึงได้จัดงานขึ้น ประกอบด้วยกิจกรรม 5 สถานี ได้แก่ สถานีดินดีพืชดี สถานีระบบน้ำอัจฉริยะ สถานีป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสาน (IPM) สถานีการใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและปลอดภัย และสถานีการปลูกพืชใช้น้ำน้อย

นายทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field Day) เพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ ยังมีการเสนอองค์ความรู้ และบริการการเกษตรอื่นๆ ให้เกษตรกร จากหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หน่วยงานภาคี และภาคเอกชนอื่นๆ ทั้งนี้ การจัดงานครั้งนี้ มีเกษตรกรของอำเภอแก่งคอย จากทุกตำบล มาร่วมรับการถ่ายทอดความรู้และบริการการเกษตรครั้งนี้ กว่า 250 คน และหวังว่าเกษตรกรที่มาในวันนี้จะได้รับความรู้และนำมาปฏิบัติในไร่นาของตนเอง

จากสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน ปริมาณน้ำสำรองในเขื่อนมีปริมาณน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกพืช ขอให้เกษตรกรติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด วางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัด และหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยที่เป็นความต้องการของตลาดแทน นอกจากนี้ ขอความร่วมมือในการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตจากเดิม มุ่งสู่การทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยจากสารพิษ โดยการ ลด ละ เลิก การใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย รวมถึงลดการเผาในพื้นที่การเกษตร ฝุ่นละอองและหมอกควัน ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย รวมทั้งส่งผลสัยต่อการทำการเกษตร ทำให้ดินเสื่อมโทรม ซึ่งหากเกษตรกรปรับตัว นำองค์ความรู้ที่เหมาะสมที่ได้เรียนรู้ ไปประยุกต์ใช้ในไร่นาของตนเองต่อไป