“กฤษฏา” กราบขอโทษเหตุไม่ชี้แจง ขึ้นทะเบียนหมา-แมว 450 บาท

“กฤษฏา” กราบขอโทษปชช.ดันพ.ร.บ.ป้องกันทารุณกรรมสัตว์ เข้าครม.โดยไม่ชี้แจง ยอมรับข้อบกพร่องประเด็นค่าธรรมเนียม ขึ้นทะเบียนหมา-แมว 450 บาทต่อตัวค่าปรับ1-2.5 หมื่นบาท เร่งหารือกฤฏีกา ยกเว้น เช่นเดียวกับการยกเว้นไม่เก็บค่าขึ้นทะเบียนปืนเถื่อนในช่วงแรก

วันนี้ (12 ต.ค.61) นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสโซเซียลโจมตีคัดค้านร่างพ.ร.บ.ป้องกันทารุณกรรมสัตว์ ที่ให้ผู้เลี้ยงจ่ายค่าธรรมเนียม ขึ้นทะเบียน สุนัข แมว มีอัตราตัวละ450 บาท และหากไม่ขึ้นเสียค่าปรับ ตัวละ1-2.5 หมื่นบาท ว่ายอมรับว่าในเรื่องนี้เป็นจุดบกพร่อง ตนกราบขอโทษไว้ ณโอกาสนี้ เพราะอาจจะเร็วไปไม่ได้ชี้แจงประชาชน ในฐานะกระทรวงเกษตรฯเป็นเจ้าของร่าง โดยหลักการของกฏหมายนี้ต้องการจัดระเบียบดูแลสวัสดิภาพสัตว์ ซึ่งปัจจุบันมีการเลี้ยงกันมากแต่พอหมาแมวไม่น่ารัก ก็ปล่อยปละละเลย ไม่เลี้ยงนำไปปล่อยวัด หรือที่สาธารณะ ซึ่งในร่างนี้การขึ้นทะเบียน ค่าปรับ ต่างๆยังไม่ชัดเจน 

“ผมได้อธิบายในการประชุมครม.ซี่งท่านนายกฯก็เห็นว่าหลักการในกฏหมายดี แต่ให้กระทรวงเกษตรฯนำกลับเกษตรฯไปหารือกับคณะกรรมการกฤษฏีกา นำไปปรับแก้ไขเรื่องขึ้นทะเบียนไม่เป็นภาระประชาชน ตามข้อสั่งการของนายกฯผมเองก็ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจกันมาก เพราะก่อนนำเสนอครม.ทางกรมปศุสัตว์ ได้ขึ้นร่างนี้ในเว็ปไซส์ 1 เดือน ที่ผ่านมาไม่มีคนสนใจ แต่พอเข้าครม.มีคนมาออกความเห็นเยอะแยะ มองอีกด้านเป็นเรื่องดีที่เราประสบความสำเร็จให้คนมาสนใจ หลังจากหารือกฤฏีกา นำร่างเข้าสภา ผมจะเสนอให้ตั้งตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง สมาคม ชมรม มูลนิธิ ภาคประชาชน มาร่วมด้วยเสนอแนะด้วย “นายกฤษฏา กล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าส่วนที่ประชาชนกังวลในเรื่องค่าธรรมเนียม ซึ่งมีการกำหนดราคาในการฝั่งชิพ 300 บาทต่อตัว ทำให้เห็นว่าแพง ตรงนี้ตนได้ถามเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ ว่าทำไมต้องระบุราคา เพราะท้องถิ่นเป็นผู้กำหนดการออกค่าธรรมเนียม ซึ่งอาจจะไม่ถึงราคานี้หรือแพงกว่านี้ก็ได้ จึงให้เอาออกไป โดยอปท.นำไปใส่ไว้ในกฏหมายลูก อีกอย่างตนจะดูเรื่องยกเว้นไม่เก็บค่าธรรมเนียมเช่นเดียวกับการประกาศให้นำปืนมาขึ้นทะเบียนปืน ได้ยกเว้นในช่วงแรกว่าชาวบ้านให้นำปืนเถื่อนมามอบให้เจ้าหน้าที่ไม่มีความผิด ขึ้นทะเบียนจะไม่มีค่าธรรมเนียม โดยเว้นระยะช่วงกี่วัน กำลังคุยกับกฤษฏีกา รวมทั้งแนวคิดตนจะแบ่งผู้เลี้ยงสัตว์ออกเป็น3 กลุ่ม องค์กร มูลนิธิ วัด ประชาชนที่เลี้ยงทั่วไป และเลี้ยงเพื่อการค้า เช่นกำหนดจำนวนสัตว์เลี้ยงในครอบครัวจะเป็นกี่ตัวที่ไม่เกินกำลัง สมาคม มูลนิธิ กลุ่มการค้าพาณิชย์ ที่ไม่เสียค่าธรรมเนียม และตัวที่เท่าไหร่ จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมขึ้นทะเบียน

 นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ข้อคิดเห็นต่างๆจากประชาชน จะนำมาดูชั้นคณะกรรมมาธิการวาระสอง ผมเสนอภาคประชาสังคม ชมรม ผู้เลี้ยง เข้าไปเสนอความเห็น ทั้งนี้จากที่ดูการคัดค้านแม้มีคนไม่เห็นด้วยจำนวนมาก แต่เห็นด้วยหลักการของกฏหมาย เพียงแต่ให้กำหนดรายละเอียด ลดค่าธรรมเนียมค่าปรับที่ไม่เป็นภาระ ซึ่งการเสนอกฏหมายนี้ ยืนยันจะเดินหน้าในแนวทางเป็นประโยชน์กับทุกภาคส่วนและมีความเหมาะสมการดูแลสวัสดิภาพสัตว์ จะไม่ปล่อยให้ล่าช้า พยายามให้ทันรัฐบาลนี้