ซีรีส์ “สงครามส่งด่วน” กำลังได้รับความนิยม เพราะสะท้อนภาพการแข่งขันที่เข้มข้นในโลกของธุรกิจที่ต้องส่งของ ส่งไว ส่งแม่น และต้นทุนต่ำ แต่สิ่งที่ซีรีส์สะท้อนออกมาจริง ๆ ไม่ใช่แค่โลกของโลจิสติกส์เท่านั้น แต่คือเรื่องจริงของธุรกิจ SME ที่ “มีรถ” ต้องบริหารจัดการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนสำคัญ ไม่ว่าจะส่งสินค้าทั่วไป ส่งอาหาร ส่งอุปกรณ์ก่อสร้าง หรือแม้แต่ธุรกิจบริการที่ต้องใช้รถวิ่งหาลูกค้า “การมีรถ” คือจุดเริ่มต้น แต่ “การบริหารจัดการรถให้ดี” นี่เอง คือ ส่วนหนึ่งของชัยชนะในสนามธุรกิจจริง

finbiz by ttb จึงขอนำเรื่องจริงของการบริหารจัดการ “รถ” ในวงการธุรกิจมาขยายความ และ
หาอาวุธมาสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจ
ไม่ส่ง ไม่ด่วน ก็ต้องคำนวณต้นทุน เมื่อรถ เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ
ผู้ประกอบการในหลาย ๆ ธุรกิจที่อาจไม่ได้มีธุรกิจหลักที่ต้องใช้การเดินรถ อาจจะมองว่าไม่สำคัญอะไรเลย แต่ความจริงคือ รถ 1 คัน แบกต้นทุนซ่อนอยู่มากมาย ทั้งค่าน้ำมัน การซ่อมบำรุง เส้นทางที่ไม่คุ้ม หรือการใช้รถอย่างไร้ระบบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือต้นทุนที่พร้อมจะกัดกินกำไรแบบไม่รู้ตัว
5 ปัญหาสุดคลาสสิกของธุรกิจที่มีรถ
3 กลยุทธ์การวางแผน ควบคุมค่าใช้จ่ายตามสไตล์ธุรกิจที่ใช้รถ คือเส้นทางของมืออาชีพ

1. วางแผนเส้นทางและติดตามรถ เริ่มง่าย ๆ ด้วยแอปพลิเคชันที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น Google Maps ร่วมกับระบบแชร์โลเคชันกับทีม หรือใช้ซอฟต์แวร์ Route Optimization ราคาประหยัด เพื่อวางแผนรอบวิ่งให้คุ้มที่สุดต่อวัน เพื่อลดการใช้น้ำมัน ประหยัดเวลา สำหรับธุรกิจที่ต้องมีการทำรอบนั่นหมายถึงรายได้เพิ่มขึ้นด้วย
2. วางแผนควบคุมการใช้พลังงานเชื้อเพลิงสำหรับรถ สำหรับรถสันดาปที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ได้น้ำมันคุณภาพตามที่บริษัทต้องการ การใช้บัตรเครดิตน้ำมัน(Fleet Card) ที่ระบุสถานีบริการน้ำมันได้ และมีโครงข่ายทั่วประเทศ ก็ตอบโจทย์ในด้านนี้ และยังมีรายงานบันทึกต้นทุนอย่างแม่นยำ มีระบบที่สามารถคำนวณอัตราสิ้นเปลืองของรถแต่ละคันได้ เพื่อใช้ข้อมูลในการประกอบการซ่อมบำรุง หรือพิจารณาเรื่องการซื้อรถใหม่ การใช้บัตรเครดิตน้ำมัน ยังสามารถรองรับการเติมพลังงานเชื้อเพลิงในหลายรูปแบบ เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) กลุ่ม HEV PHEV หรือ กลุ่มเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลว ทำให้มีข้อมูลสนับสนุนการใช้พลังงานของรถแต่ละคันที่แม่นยำขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนระบบเอง และไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ที่ตัวรถ
3. วางแผนบำรุงรักษาและเปลี่ยนรถตามรอบ ตรวจสอบและวางแผนบำรุงรักษารถไว้ล่วงหน้า (เช่น ตรวจสภาพทุก 6 เดือน / 10,000 กม.) และวางแผนการเปลี่ยนรถ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถพิจารณาที่จะซื้อ หรือ เช่า ตามลักษณะการใช้งาน วางแผนใช้สินเชื่อเช่าซื้อหรือลีสซิ่ง เพื่อเปลี่ยนรถเก่าเป็นรถใหม่ หรือรถยนต์พลังงานอื่น ๆ ที่ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น เช่น รถยนต์ HEV PHEV หรือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่มีข้อมูลสนับสนุนว่าสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายขององค์กรได้ในหลายมิติ เช่น ค่าพลังงานเชื้อเพลิงที่พลังงานไฟฟ้าประหยัดกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 1 ถึง 2.50 บาทต่อกิโลเมตร ค่าบำรุงรักษารถยนต์ไฟฟ้าที่ต่ำกว่ารถยนต์สันดาปประมาณ 20,000 บาทต่อคันต่อปี รวมถึงราคาตัวรถที่ปัจจุบันไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก จึงเป็นตัวเลือกให้ธุรกิจพิจารณา ลดต้นทุนค่าซ่อม ลดปัญหาจุกจิกเมื่อรถมีอายุใช้งานนาน ๆ และเพิ่มภาพลักษณ์มืออาชีพให้ธุรกิจ
สมรภูมิธุรกิจ วางแผนดีแล้ว…ต้องมีอาวุธทางธุรกิจที่พร้อม!
จากแนวทางทั้งหมดทำให้ผู้ประกอบการที่มีรถในครอบครองเริ่มเห็นภาพว่าจะต้องเตรียมอาวุธใดไว้รับมือบ้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีทีบีพร้อมที่จะสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็น
สินเชื่อธุรกิจ ทีทีบี เอสเอ็มอี สมาร์ทบิส ที่เป็นสินเชื่อธุรกิจสำหรับเอสเอ็มอี ที่ให้วงเงินเหมาะสมและเพียงพอ เพื่อใช้ในการบริหารงานหรือการลงทุนต่อยอดธุรกิจ นำไปลงทุนในระบบจัดการการขนส่ง หรือระบบอื่น ๆ ในการดำเนินธุรกิจ
บัตรเดบิตน้ำมันและบัตรเครดิตน้ำมัน (ttb fleet card)บริการที่ช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายน้ำมัน สามารถใช้ได้ที่สถานีบริการน้ำมันที่ร่วมรายการทั่วประเทศ เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายน้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพ
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทีทีบี เอสเอ็มอี (ttb sme fleet hire purchase) หรือ สินเชื่อเช่ารถยนต์แบบลีสซิ่ง ทีทีบี เอสเอ็มอี (ttb sme financial lease) เพื่อวางแผนในการเช่าซื้อ หรือเช่ารถใหม่ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ
เพราะทุกค่าใช้จ่ายในธุรกิจคือต้นทุน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบหลังบ้านที่ดี ควบคุมได้ทุกจุด จัดการทุกระบบตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อธุรกิจที่คอลโทรลได้ ให้เติบโต ต่อยอด ยั่งยืน
#finbizbyttb #โครงการเสริมความรู้SME
#เอสเอ็มอียุคดิจิทัล #ตัวช่วยเอสเอ็มอี
#SMEเติบโตอย่างยั่งยืน #ให้ชีวิตการเงินดีทั้งวันนี้และอนาคต
#เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น #ttb #MakeREALChange





