News

อดีตทหารช่างผันชีวิตยึด“เกษตรทฤษฎีใหม่” ปลูกทุกอย่างที่กิน รายจ่ายลด รายได้เพิ่ม ครอบครัวมีสุข

19/08/2019

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย    จึงได้จัดทำโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ขึ้นเพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร    โดยส่งเสริมให้เกษตรกรที่มีความสมัครใจจาก 882 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 70,000 ราย/ปี น้อมนำหลักทฤษฎีใหม่ไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ของเกษตรกรแต่ละพื้นที่ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้  สร้างอาชีพจากการผลผลิตในทำเกษตรทฤษฎีใหม่ในครัวเรือนของตนเอง

นายจำรอง ดาวเรือง  รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร  กล่าวว่า   ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้โครงการ “5 ประสาน สืบสานเกษตรทฤษฎีใหม่ ถวายในหลวง” มาตั้งแต่ปี 2560  ด้วยการส่งเสริมและปลูกฝังให้เกษตรกรและประชาชนศึกษาและน้อมนำองค์ความรู้หลักเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ได้รับไปปรับใช้กับพื้นที่เกษตรของตนเองได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับพื้นที่ของเกษตรเพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถลดรายจ่ายในครัวเรือนและมีรายได้เสริม

              ในปี 2562 กรมวิชาการเกษตรได้สานต่อโครงการ 5 ประสาน สืบสานเกษตรทฤษฎีใหม่ ถวายในหลวง  โดยได้จัดเตรียมเมล็ดพันธุ์ผักสำหรับแจกจ่ายเกษตรกรในโครงการฯ 70,000 รายทั่วประเทศ    เพื่อนำไปใช้ในการเพาะปลูกสำหรับบริโภคในครัวเรือน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ช่วยลดรายจ่ายในครัวเรือน สามารถต่อยอดสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้ต่อไปในอนาคต ซึ่งเมล็ดพันธุ์ผักที่ได้จัดเตรียมไว้ในปีนี้ประกอบไปด้วย กวางตุ้งต้น กะเพรา คะน้าใบ พริกขี้หนู แตงกวา ผักบุ้งจีน มะเขือเทศ มะเขือยาว มะละกอ โมโรเฮยะ ถั่วฝักยาว ถั่วเขียว และข้าวโพดเทียน   ส่วนปี 62 นี้กรมวิชาการเกษตรได้รับเป้าหมายส่งเสริมเกษตรกรเข้าร่วมโครงการจำนวน 3,898ราย โดยมีกิจกรรมหลัก ๆ คือการอบรมปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำทฤษฎีใหม่  สนับสนุนปัจจัยการผลิต  อบรมให้ความรู้เฉพาะด้านพร้อมติดตามเยี่ยมเยือนแปลงของเกษตรกรอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ   เราจะเน้น ความสมัครใจ   และไม่เคยทำเกษตรทฤษฎีใหม่มาก่อน   มีแหล่งน้ำของตนเองใช้งานได้ตลอดปี  ส่วนวิธีการดำเนินโครงการใช้หลักทฤษฎีใหม่และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงส่งเสริมเกษตรกร    โดยเริ่มจากทำตามที่ตนเองถนัด 1อย่างก่อนหรือทำเหมาะสมกับฐานะ   จากนั้นให้ลองทําการเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างที่ และอย่างที่ เน้นเลือกทำแบบง่ายๆ ลงทุนน้อย มีรายได้จากนั้นค่อยขยายฐานและขยายผลมุ่งให้เกษตรกรลดรายจ่ายมากที่สุดและมีรายได้เพิ่มจากผลผลิตของตนเอง   

นายจำรอง  กล่าวด้วยว่า   จากผลดำเนินงานของกรมวิชาการเกษตรที่ผ่านมา  ร้อยละ 80 ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตเป็นแนวเกษตรทฤษฎีใหม่และเกษตรกรที่ร่วมโครงการมากกว่าร้อยละ 30 สามารถลดรายจ่ายในครัวเรือนได้  โดยแผนงานในปี 62ได้วางเป้าพัฒนาแปลงสู่เกษตรทฤษฏีใหม่เต็มรูปแบบขั้นแรกจะมุ่งทำให้พอกินทำให้เกษตรกรมีผลผลิตที่มีคุณภาพปลอดภัยเพียงพอสำหรับการบริโภคในครัวเรือนและสามารถทำให้อแบ่ง” ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่ ใช้เทคโนยีที่เหมาะสมตามหลักวิชาการ มีกิจกรรมการเกษตรที่หลากหลายขึ้นเพื่อผลผลิตจะได้เหลือแบ่งปันและมีเหลือเพียงพอจนสามารถจำหน่ายเป็น รายได้เสริม

 

ด้านนายเกรียงไกร  เตชะเสนา  นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ  กองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ   กรมวิชาการเกษตร  กล่าวเพิ่มเติมว่า   กรมวิชาการเกษตร   เร่งสร้างเกษตรกรต้นแบบเพื่อเป็นตัวอย่างสามารถสร้างแรงบันดาลใจและแรงจูงใจให้เกษตรกรรายใหม่หันเข้ามาทำเกษตรทฤษฎีใหม่ให้มากขึ้น โดยกรมจะทำหน้าที่ในการเป็นพี่เลี้ยง  คอยให้คำแนะนำ  ช่วยเหลือตลอดจนให้เกษตรกรวิเคราะห์ตนเองและวางแผนการผลิตตามศักยภาพ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ของตนเอง เริ่มจากง่ายและถนัด รวมทั้งเร่งสร้างเกษตรกรต้นแบบและสร้างทายาทเกษตรกรเพื่อขยายผลต่อยอดการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดําริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้นําไปปฏิบัติจริงอย่างแพร่หลายในทุกภูมิภาคของประเทศไทย    ส่วนเกษตรกรได้รับความรู้ สามารถปรับเปลี่ยนแนวคิดและรูปแบบในการทำมาหากิน การประกอบอาชีพให้มีศักยภาพในการพึ่งพาตนเอง โดยสามารถลดรายจ่าย  เพิ่มรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับตนเองและครอบครัวต่อไป

ด้าน ร.ต ถวิล  มาลี    อดีตนายทหารจากกรมการทหารช่าง ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ที่ใช้ชีวิตหลังเกษียนผันตัวเองยึดแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่ยึดแนวทางพ่อหลวงอดีตนายทหารกล่าวว่า    ตนเองได้รับการปลูกฝังในการทำทฤษฎีใหม่และเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงตั้งแต่ยังประจำการในฐานะนายทหารช่างอยู่ภาคใต้  ซึ่งกองทัพได้บ่มเพาะ ปลูกฝังให้นายทหารปลูกผักทำกินเองในบริเวณบ้านพัก     เมื่อเกษียนออกมาเลยมาเลยยึดแนวทางดังกล่าวมาโดยตลอด  โดยเริ่มต้นปลูกผักสวนครัว 1 ไร่มะม่วง 1 ไร่กล้วยน้ำว้า  1 งาน  จากนั้นขยายผลมาปลูกผักสวนครัว   เช่น  มะนาว มะเขือ   พริก ผักบุ้ง   เพื่อบริโภคและจำหน่ายตามฤดูกาล  เช่น  มีการปลูกกล้วยตามความต้องการในชุมชน  

 นอกจากนี้ได้ขยายผล   หันมาการเลี้ยงไก่ไข่ และไก่พื้นเมือง เพื่อนำไข่มาบริโภค เลี้ยงสุกร จำนวน 30 ตัว เป็ด 20 ตัว ห่าน 5 ตัว มูลไก่และมูลสุกรสามารถนำมาทำปุ๋ยได้  ส่วนด้านประมง มีบ่อน้ำ 2 บ่อ เมตร เพื่อกักเก็บน้ำมาใช้ในการเกษตร และเลี้ยงปลาเพื่อนำมาบริโภค และจำหน่าย  ทำให้ทุกวันนี้ – สามารถนำความรู้ที่ได้จาการอบรม และดูงานไปใช้ สามารถถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกรใกล้เคียง

ท้ายสุด  อดีตนายทหารช่างวัยเกษียน  กล่าวย้ำว่า  เกษตรทฤษฎีใหม่สำหรับตน  คือการทำเกษตรใกล้ตัวปลูกทุกอย่างที่กินได้  เหลือกินก็นำไปขาย   ครอบครัวมีความสุขจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และรายจ่ายที่ลดลงจากการปฏิบัติตามแนวเกษตรทฤษฏีใหม่ ซึ่งชีวิตประจำวันในครอบครัวแทบไม่ต้องใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารการกินเลย  เพราะปลูกพืชผักเกือบทุกชนิดไว้รอบบ้าน  นอกจากนี้ยังเลี้ยงไก่ไข่   ไก่พื้นเมือง  เลี้ยงปลามีกิน  มีใช้ตลอดปีอยู่กันแบบพอเพียงและมีเงินเหลือเก็บ    ตนเองและสมาชิกครอบครัวมีความสุ   การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ถือว่าเป็นอาชีพอิสระที่ทำให้แล้วมีความสุข ชีวิตไม่เดือดร้อนในการต้องออกไปดิ้นรนในสังคมเมืองหลวงหรือสังคมเมืองใหญ่เหมือนอาชีพอื่นๆ

**********************************

No Comments

    Leave a Reply