News

ไทยถกฟิจิ เร่งเชื่อมต่อระบบ e-Phyto มุ่งขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยในภูมิภาคโอเชียเนีย

11/08/2022

มกอช. จับมือกรมวิชาการเกษตรและ GIZ หารือฟิจิ เร่งเชื่อมระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Phyto ซึ่งฟิจิมีความพร้อมและยินดีเชื่อมระบบกับไทย มีกำหนดทดสอบระบบสิ้นกันยา 65 นี้ คาดช่วยอำนวยความสะดวกการส่งออกสินค้าเกษตรไปฟิจิ โดยเฉพาะข้าวไทย มุ่งขยายตลาดในภูมิภาคโอเชียเนีย

นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 มกอช. ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และกรมศุลกากร จัดการประชุมร่วมกับผู้แทนจากประเทศฟิจิ หารือแนวทางการเชื่อมต่อระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ e-Phyto ระหว่างกัน หลังจากไทยเข้าเป็นสมาชิกของ e-Phyto Hub ภายใต้ IPPC เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างหารือแนวทางการทดสอบเชื่อมต่อระบบกับประเทศคู่ค้าที่เป็นสมาชิก

ทั้งนี้ e-Phyto Hub เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลใบรับรอง e-Phyto ระหว่างนานาประเทศทั่วโลก อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการอารักขาพืชระหว่างประเทศ (International Plant Protection Convention: IPPC) โดยไทยได้เข้าเป็นสมาชิกผ่านโครงการ e-Phyto ประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมวิชาการเกษตร มกอช. กรมศุลกากร และ GIZ โดยการสนับสนุนของกลุ่มพันธมิตรโลกด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า หรือ Global Alliance for Trade Facilitation มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาระบบ e-Phyto ของไทย ให้เชื่อมต่อกับ IPPC Hub เพื่อแลกเปลี่ยนใบ e-Phyto กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

ฟิจิเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าที่คณะทำงานโครงการ e-Phyto ประเทศไทยกำหนดให้เป็นประเทศนำร่องเพื่อทดสอบการเชื่อมต่อระบบกับไทย โดยฟิจิได้ตอบรับข้อเสนอของไทยในการทดสอบการเชื่อมต่อระบบ e-Phyto และขอให้มีการหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและใช้งานจริงต่อไป โดยในการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนฟิจิแจ้งว่า ฟิจิได้เริ่มใช้งานใบรับรอง e-Phyto ผ่านระบบ e-Phyto Hub ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ปัจจุบันมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลใบรับรองกับสหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ และซามัว โดยฝ่ายฟิจิมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะทดสอบการเชื่อมต่อระบบกับไทย เพื่อนำไปสู่การใช้งานจริงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลใบรับรอง e-Phyto ระหว่างกันในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันฟิจิมีการนำเข้าสินค้าข้าวจากไทยในปริมาณมาก และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแต่ละปี จึงคาดว่าการใช้งานใบรับรอง e-Phyto จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ทั้งสองฝ่ายในฐานะผู้ส่งออกและผู้นำเข้า ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการยื่นขอเอกสาร รวมทั้งลดการปลอมแปลงเอกสารอีกด้วย โดยไทยและฟิจิเห็นชอบร่วมกันในการเริ่มทดสอบระบบในช่วงปลายเดือนกันยายน 2565 นี้

ปัจจุบันฟิจินำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากไทยเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาทต่อปี โดยในปี 2562 ฟิจินำเข้าสินค้าอาหารจากไทยมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 รองจากออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และจีน สินค้านำเข้าจากไทยที่สำคัญ คือ ข้าว ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องใช้ใบรับรองสุขอนามัยพืชประกอบการนำเข้า การเชื่อมต่อระบบใบรับรองพืชอิเล็กทรอนิกส์ (e-Phyto) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลใบรับรองระหว่างกันในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นก้าวสำคัญในการขยายโอกาสทางการค้าสำหรับสินค้าข้าวไทย และสินค้าเกษตรอื่นๆ ที่ส่งออกไปยังฟิจิ รวมถึงการสร้างโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดใหม่ๆ ไปยังภูมิภาคโอเชียเนีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ผลิตสินค้าเกษตรและอาหารไม่เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ ต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นส่วนใหญ่

“มกอช. ในฐานะหน่วยงาน Partner ในโครงการ e-Phyto ประเทศไทย และหน่วยงานผู้ประสานหลักของไทยในการเจรจากับประเทศคู่ค้าในประเด็นด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (SPS) ได้ประสานไปยังประเทศคู่ค้าที่คณะทำงานโครงการฯ กำหนดให้ประเทศนำร่องเพื่อทดสอบการเชื่อมต่อระบบกับไทย จำนวน 9 ประเทศ ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฟิจิ อาร์เจนติน่า ชิลี ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา โดยขณะนี้มีความคืบหน้าในการประสานงานเพื่อเชื่อมต่อระบบกับจีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อยู่ระหว่างหารือแนวทางด้านเทคนิคในการเชื่อมต่อระบบระหว่างกันต่อไป”เลขาธิการ มกอช. กล่าว

No Comments

    Leave a Reply