สถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเกิดฝนตกชุกทางภาคเหนือ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น เตือน 7 จังหวัดพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเตรียมรับมือแล้ว ตามนโยบายของรัฐบาล โดยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.)
ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกชุกทางตอนบนของประเทศ ทำให้มีน้ำท่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำสายหลัก ปิง วัง ยม และน่าน ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่จ.นครสวรรค์ โดยล่าสุด(7 ก.ย. 64) ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 983 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วิ) คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดในวันที่ 9 กันยายนนี้ อยู่ที่ประมาณ 1,046 ลบ.ม./วิ ก่อนจะไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ตามลำดับ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 700 ลบ.ม./วิ ส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อน ตั้งแต่อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ไปจนถึงพื้นที่ ต.กระทุ่ม ต.หัวเวียง อ.เสนา และต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มสูงขึ้น
กรมชลประทาน ได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัด ประกอบด้วย อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี ให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ทราบถึงสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำแล้ว ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานในพื้นที่ บริหารจัดการน้ำท่าให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำ แก้มลิง และแหล่งน้ำธรรมชาติ ให้ได้มากที่สุด เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้าที่กำลังจะมาถึง จึงขอให้ทุกภาคส่วนติดตามสถานการณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด
No Comments