“ยืนยันว่าไทยไม่มีนโยบายเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ ที่มีสารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีนตกค้างจากสหรัฐแน่นอน เพราะต้องคำนึงถึงสุขภาพของคนในประเทศ และผู้เลี้ยงหมูในประเทศที่มีจำนวนมากด้วย”
เป็นคำพูดของ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ที่ได้ใจทั้งประชาชนและเกษตรกรไทย ตอกย้ำจุดยืนของไทยต่อการไม่ยินยอมให้หมูสหรัฐ ที่เต็มไปด้วยสารอันตราย เข้ามาทำร้ายผู้บริโภคและคนเลี้ยงหมูชาวไทยได้อย่างเด็ดขาด แม้จะถูกกดดันด้วยคำประกาศตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ที่ให้กับสินค้าไทย 231 รายการ ก็ไม่ทำให้รมว.พาณิชย์หวั่นไหว
แถมยังชี้ให้เห็นความจริงว่า สินค้าไทย 231 รายการ ที่ถูกตัดสิทธิล่าสุด มีผลตั้งแต่ 30 ธ.ค. 2563 มีเพียง 147 รายการ เท่านั้นที่ผู้ส่งออกไทยใช้สิทธิ ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้มีมูลค่านำเข้าเฉลี่ยประมาณ 600-700 ล้านดอลลาร์ต่อปี เมื่อสินค้าไทยต้องกลับไปเสียภาษีนำเข้าอัตราปกติที่ 3-4% คิดเป็นภาระภาษีที่ต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 600 ล้านบาทเท่านั้น และที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ทำงานร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งได้มีการเตรียมการรับมือเรื่องนี้มาแล้ว ด้วยการหาตลาดใหม่ทดแทน หรือการบุกตลาดสหรัฐฯ ก็จะไม่เน้นการแข่งขันด้านราคา แต่เน้นเรื่องของคุณภาพ ไทยจึงไม่กังวลกับการถูกตัด GSP เพราะสินค้าไทยมีคุณภาพดีและมีความน่าเชื่อถือ
นี่คือ “การมองการณ์ไกลและอ่านเกมส์ขาด” ของรมว.พาณิชย์ ที่ไม่ยอมให้เศษหมูเหลือทิ้ง จากการบริโภคของคนมะกัน โดยเฉพาะเครื่องในหมูที่เป็นชิ้นส่วนที่มีการตกค้างของสารเร่งเนื้อแดงมากที่สุดมาให้คนไทยกิน เพื่อปกป้องผู้บริโภคชาวไทยจากสารเร่งเนื้อแดง ที่เป็นอันตราย และเป็นสารต้องห้ามตามกฎหมายไทย ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่ภาครัฐพึงกระทำ เพื่อป้องกันไม่ให้สารนี้เข้ามาบ่อนทำลายสุขภาพของคนไทย และปกป้องเศรษฐกิจชาติไม่ให้รัฐต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจากสารอันตรายนี้
ขณะเดียวกัน ยังช่วยปิดประตูเสี่ยงให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูคนไทย ไม่ให้ถูกหมูสหรัฐเข้ามาดั๊มพ์ตลาด จนไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ จากต้นทุนการผลิตหมูของสหรัฐที่ต่ำกว่าไทยถึงเท่าตัว หากปล่อยให้หมูมะกันเข้ามาได้ เกษตรกรเลี้ยงหมูกว่า 2 แสนราย รวมถึงเกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชอาหารสัตว์ ทั้งปลายข้าว ข้าวโพด ฯลฯ ลามไปถึงผู้ค้าเวชภัณฑ์สัตว์ไทยที่ไม่แคล้วต้องล่มสลายแน่นอน
ขอให้รัฐมั่นคง “อย่ายอมให้มะกันส่งหมูสารเร่งเนื้อแดง มาทำร้ายผู้บริโภคและเกษตรกรไทย” ต้องไม่อ่อนข้อให้ชาติมหาอำนาจ ที่ไม่เห็นไทยเป็นมิตร และคิดแต่ประโยชน์ของตนเอง ทั้งที่ผ่านมาก็เห็นไทยเป็นคู่แข่งขันและไม่เคยเปิดให้สินค้าปศุสัตว์สำคัญอย่างเนื้อไก่มาตรฐานโลกที่ไทยผลิตจนทั่วโลกยอมรับ ให้มีโอกาสเข้าไปขายในสหรัฐได้ เพื่อปกป้องเกษตรกรของเขา แต่กลับกดดันให้เปิดรับเศษหมูของประเทศตนมาดั๊มขายในไทย … รัฐบาลต้องย้ำจุดยืนเคียงข้างคนไทยอย่าให้มะกันข่มเหงคนไทยได้เด็ดขาด.
No Comments